ปัจจุบันนี้คนหันมาให้ความสนใจกับบุคลิกภาพตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตา การแต่งตัว รวมถึงเรื่องฟัน ที่หากเรายิ้มแล้วคนเห็นฟันที่เหลืองเกินไปของเรา ก็คงทำให้หมดความมั่นใจไป และเมื่อฟันเป็นสีเหลืองไปแล้วการจะแปรงฟันเพื่อให้ขาวขึ้นก็ทำไม่ได้อีกต่อไป อีกวิธีที่คนนิยมกัน และทำกันมาอย่างยาวนานก็คือ การฟอกสีฟัน  การฟอกสีฟันถือเป็นการช่วยให้ฟันของเรา ขาวสว่างสดใสขึ้น เสริมบุคลิกภาพ ให้ดูโดดเด่นน่าสนใจ สามารถสร้างความมั่นใจในการยิ้มแย้ม หรือพูดคุยกับผู้คนได้อย่างมั่นใจ

ฟอกสีฟัน หรือ ฟอกฟันขาว เป็นการรักษาที่ช่วยให้ฟันที่มีสีคล้ำ สีเหลือง กลับมามีสีขาวขึ้นโดยใช้น้ำยาฟอกสีฟัน และกระตุ้นการแตกตัวของน้ำยาฟอกสีฟันด้วยแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์

การฟอกสีฟัน

กระบวนการฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว จะใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงป้ายลงบนฟัน จากนั้นจะฉายแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันเกิดการแตกตัวออกเป็นออกซิเจน แทรกซึมผ่านชั้นผิวเคลือบฟัน เข้าไปขจัดเม็ดสีในเนื้อฟันโดยเฉพาะสีเหลือง ซึ่งก็จะทำให้ฟันขาวขึ้น โดยที่ไม่ทำร้ายชั้นผิวเคลือบฟัน

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน

ฟอกฟันขาวมีกี่แบบ

การฟอกสีฟันที่กำลังนิยมมีด้วยกันหลักๆ 3 รูปแบบ

1. การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light เป็นการใช้แสง LED

2. ฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์

3. การฟอกสีฟันแบบทำที่บ้าน (Home Bleaching)

ฟันเหลืองเกิดได้จากพันธุกรรม การดูแลรักษาฟันที่ยังไม่ถูกวิธี ไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็น การดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม สูบบุหรี่ นอกจจากนี้ก็ยังเกิดได้จากอายุที่มากขึ้นอย่างผู้สูงอายุที่ทำให้เคลือบฟันเสื่อมลง

ฟันเหลืองเกิดจากอะไร

• ผู้ที่มีฟันเหลืองจากยาปฏิชีวนะ

• ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานต้องใช้รอยยิ้มพูดคุยกับผู้อื่น

• ผู้ที่สูบบุหรี่จัด

• ผู้ที่ดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ เป็นประจำ

ฟอกสีฟันเหมาะกับใคร

• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

• หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชม. เช่น ชา กาแฟ แกงเหลือง

• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีอุณหภูมิร้อน-เย็น เกินไป เนื่องจากจะไปกระตุ้นให้เสียวฟันได้

• หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกที่มีสี แนะนำให้ใช้ลิปกลอสใสแทน

• ในกรณีคนไข้ที่มีฟันสึกหรือบาง และมีวัสดุอุดฟันหลายจุดอาจมีการเสียวฟันเล็กน้อยในช่วง 1-2 วันแรก ถ้าหากมีข้อสงสัยสามารถกลับมาพบทันตแพทย์ได้

การดูแลหลังฟอกสีฟัน